The Imitation Game ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก (2014)

หนังประเทศ : สหราชอาณาจักร / สหรัฐอเมริกา
เรื่องย่อ :
“The Imitation Game” สร้างจากเรื่องจริงสุดเหลือเชื่อของ “อลัน ทัวริง” (Alan Turing) อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ผู้เปลี่ยนทิศทางสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยไม่ต้องถือปืนสักนัดหนึ่ง เขาถูกดึงตัวเข้าร่วมโครงการลับของกองทัพอังกฤษเพื่อถอดรหัส “Enigma” เครื่องเข้ารหัสสุดซับซ้อนของนาซีเยอรมนี ที่ทุกวันจะเปลี่ยนรหัสใหม่กว่า 150 ล้านล้านรูปแบบ ทำให้ไม่มีใครสามารถไขปริศนาได้เลย
ทัวริงซึ่งไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ถูกจัดให้ทำงานร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญ แต่การสื่อสารของเขากับทีมกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ทว่าเขากลับเห็นทางออกที่ไม่มีใครคิดถึง—การสร้าง “เครื่องจักรคิดเลขอัตโนมัติ” ที่สามารถตามการเปลี่ยนลูปของ Enigma ได้ ซึ่งโลกต่อมาจะรู้จักกันในชื่อว่า “ต้นแบบคอมพิวเตอร์ยุคใหม่”
บทความรีวิว :
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นหนังชีวประวัติ แต่ยังเป็นการเปิดโปงเรื่องราวที่โลกไม่เคยรับรู้ว่า “อัจฉริยะคนหนึ่งสามารถย่นอายุสงครามได้หลายปี” และช่วยชีวิตผู้คนนับล้านไว้โดยที่ไม่มีใครรู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ
ผลงานกำกับของ **มอร์เทน ไทล์ดัม (Morten Tyldum)** ใช้โทนของการสืบสวน การแข่งกับเวลา และดราม่าสะเทือนอารมณ์ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องเข้มข้นราวหนังทริลเลอร์ งานภาพและดนตรีประกอบให้บรรยากาศทั้งตึงเครียดและโดดเดี่ยว เหมือนโลกทั้งใบถูกวางไว้บนบ่าของทัวริงคนเดียว
การแสดงของ “เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์” ยอดเยี่ยมระดับโคตรฝีมือ ถ่ายทอดความฉลาด ความกระด้าง ความเปราะบาง และความโดดเดี่ยวของทัวริงได้ลึกซึ้งจนแทบลืมว่าเขากำลัง “แสดง” เขาคือทัวริงอย่างแท้จริงในทุกอารมณ์
สปอยล์ :

หลังจากทดลองนับครั้งไม่ถ้วน เครื่อง “คริสโตเฟอร์” ที่ทัวริงสร้างขึ้นเริ่มทำงานสำเร็จ สามารถจับตำแหน่งกุญแจประจำวันของ Enigma ได้เป็นครั้งแรก แต่การถอดรหัสศัตรูไม่ใช่จุดจบ ตรงกันข้าม—มันคือการเริ่มต้นของ “ภารกิจปกปิดความจริง” เพราะหากกองทัพอังกฤษใช้ข้อมูลที่ได้มากเกินไป นาซีจะรู้ว่ารหัสถูกถอดได้ และจะเปลี่ยนระบบทั้งหมด
ทีมของทัวริงจึงต้องเลือก “ใครจะรอด… ใครจะถูกปล่อยให้ตาย” เพื่อไม่ให้ศัตรูจับพิรุธ เป็นการตัดสินใจที่โหดร้ายและฝังลึกในจิตใจทุกคน โดยเฉพาะทัวริงที่แบกรับความผิดนี้ไว้เงียบ ๆ
สงครามจบลง แต่ชีวิตทัวริงกลับเริ่มพังทลาย เมื่อเขาถูกจับเพราะรสนิยมทางเพศที่ผิดกฎหมายในยุคนั้น เขาถูกตัดสินให้เข้ารับ “ฮอร์โมนบำบัด” ทำให้ร่างกายและจิตใจเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยวัยเพียง 41 ปี โลกไม่เคยยกย่องเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
บทวิจารณ์ :
The Imitation Game เป็นหนังที่ทรงพลังทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ มนุษยธรรม และความเป็น “โศกนาฏกรรมของอัจฉริยะ” หนังเผยให้เห็นความอยุติธรรมทางสังคมต่อผู้ที่แตกต่าง และตั้งคำถามว่า “ทำไมสังคมถึงทำร้ายคนที่ช่วยโลกไว้มากที่สุด?”
มันไม่ใช่แค่เรื่องราวของเครื่องจักรหรือสงคราม แต่คือเรื่องราวของมนุษย์คนหนึ่งที่อยากเป็นที่ยอมรับในโลก ทั้งที่สิ่งที่เขาทำมีคุณค่ามหาศาลต่อมนุษยชาติ หนังถ่ายทอดอย่างเจ็บปวดว่าบางครั้งพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ก็แลกมาด้วยความโดดเดี่ยว ความเข้าใจผิด และความสูญเสีย
นี่คือหนึ่งในหนังชีวประวัติที่ดีที่สุดของยุค 2010s ทั้งการเล่าเรื่อง การแสดง และสารที่ส่งถึงใจผู้ชม เป็นหนังที่ควรดูอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับคนที่เชื่อว่าความฉลาดอาจเปลี่ยนโลกได้ แต่ความเมตตาคือสิ่งที่ทำให้โลกนั้นน่าอยู่ขึ้น
ตัวอย่างหนังจาก YouTube
